ทานเบเกอรี่อย่างไรให้ได้สุขภาพ
พอพูดถึง เบเกอรี่ ภาพที่ลอยมาในหัว คงหนีไม่พ้นขนมปังนุ่ม คุกกี้หอมๆ กรอบๆ เค้กสวยๆ ชีสเค้กมันๆ นัวๆ และต่างๆ อีกมากมาย ภาพเหล่านั้นจะมาพร้อมกับความรู้สึกที่อร่อยๆ อิ่มท้อง ยิ้มแย้ม มีความสุข ใช่แล้วเบเกอรี่ช่วยสร้างความสุขให้ได้จริง โดยเฉพาะสาวๆ ที่หลงไหลความเป็นเบเกอรี่ทุกสิ่งอย่าง อย่างบล๊อกเกอร์คนนี้
เบเกอรี่เป็นขนมที่หาทานได้ง่ายๆ พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน สามารถติดกระเป๋าพกพาไปทานที่ไหนก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นขนมที่สะดวกต่อการรับประทานที่สุด อันนี้ไม่นับเค้กที่แต่งหน้าสวยๆ ต้องละเมียดละไมในการานถึงจะได้อรรถรส นอกจากจะทานได้ง่ายแล้วเบเกอรี่บางอย่างก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ บางทีต้องง้อเตาอบ บางทีก็ไม่ต้องง้อเตาอบ วัตถุดิบก็มีขายกันทั่วไป
แต่ๆๆๆๆๆ . . . รู้กันหรือไม่ว่าส่วนผสมหรือวัตถุดิบที่เอามาทำเบเกอรี่นั้นมีอะไรบ้าง จะสายเฮลทตี้กันทั้งที ต้องไม่ตกม้าตายกับการทานเบเกอรี่ผิดๆ นะจ๊ะ แน่นอนเบเกอรี่ก็จะประกอบไปด้วยแป้งสาลีเป็นสวนผสมหลัก น้ำตาลและเนยหรือมาการีนเป็นส่วนผสมรองลงมา และอาจมีไข่ ชีส ผลไม้อบแห้งและอื่นๆ ตามรสชาติ
ถ้าจะเน้นสายเฮลทตี้ ก็ต้องมาดูกันหน่อยว่าส่วนผสมแต่ละอย่างในเบเกอรี่นั้นให้ประโยชน์หรือโทษกับร่างกายยังไงบ้าง มาเริ่มกันที่เลย
1. แป้งสาลี แป้งสาลีทำมาจากข้าวสาลี ข้าวสาลีเป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์มาก ให้ทั้งคาร์บโบไฮเดรตและโปรตีน และให้ไขมันเล็กน้อย ถ้าหากขัดเปลือกแข็งๆ ออกบ้างเล็กน้อยและคงเส้นใยที่ห่อหุ้มไว้ก็จะเรียกกว่าแป้งโฮลวีตนั่นเอง ซึ่งมีเส้นใยและวิตามินเกลือแร่ต่างๆ อยู่ด้วย
2. เนย หรือมาการีน ช่วยให้เบเกอรี่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และมีความหอมมัน ยิ่งถ้าใส่เยอะเท่าไหร่ก็ช่วยเพิ่มความอร่อยได้มากเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับความอร่อยในเบเกอรี่เลยก็ว่าได้ แต่สิ่งเหล่านี้ทานเยอะไปไม่ดีกับร่างกายแน่ๆ เพราะเพียงแค่ 1 กรัมของเนยหรือมาการีนนั้นให้พลังงานมากถึง 9 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว ในขณะที่น้ำหนักเท่ากัน แป้งและน้ำตาลให้พลังงานแค่ 4 กิโลแคลอรี่เอง
เนยนั้น เป็นไขมันที่แยกออกมาจากนมวัว ซึ่งมีชื่อเรียกเต็มๆว่า เนยสดแท้ หรือ Butter นั่นเอง ไขมันจากนมเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวและมีคลอเรสเตอรอล ควรรับประทานแต่พอดีไม่ควรรับประทานมากเกินไป หลักโภชนาการของไทยแนะนำให้คนไทยบริโภคไขมันหลากหลายชนิดในสัดส่วนพลังงาน 30% ของพลังงานจากอาหารที่ควรได้รัทั้งหมดต่อวัน และแบ่งเป็นไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 10% ไขมันไม่อิ่มตัวสายสั้นหลายตำแหน่งไม่เกิน 10% และที่เหลือเป็นไขมันไม่อิ่มตัวในสัดส่วนที่มากสุด ซึ่งเนยนั้นก็ยังถือว่าทานได้สำหรับคนรักสุขภาพ แต่ต้องจำกัดการทานกันนะคะ
ส่วน มาการีน เป็นไขมันพืชที่นำมาผ่านกระบวนการไฮโดรจิเนชั่น เพื่อทำให้น้ำมันจากที่เป็นของเหลว กลายเป็นของของแข็งแบบนิ่มๆ นุ่มๆ ซึ่งทำมาเพื่อให้เลียนแบบเนย และถือว่าเป็นไขมันชนิด ทรานส์ หรือที่เราเรียกกันว่า Transfat นั่นเอง ไขมันทรานส์ปกติแล้วจะไม่พบในธรรมชาตินะ และไขมันทรานส์เป็นบ่อเกิดของโรค matabolic syndrome ทั้งหมาย โรคอ้วน ไขมัน หัวใจ ความดัน และหลอดเลือดด สาวๆ สายเฮลทตี้จงจำขึ้นใจเบเกอรี่ไหนมีไขมันทรานส์ก็อย่าไปยุ่งเชียวววว
3. น้ำตาลทราย เป็นอะไรที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ช่วยทำให้หวานและเพิ่มความอร่อยในเบเกอรี่ และมีความจำเป็นต่อการเกิดกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่ดีในเบเกอรี่ด้วย และในทั้งวันสาวๆ สายเฮลทตี้ไม่ควรทานน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาน๊ะจ๊ะ หรือ 24 กรัมต่อวันจร้าา
4. ไข่ไก่ เป็นแหล่งของโปรตีนและสารอาหารที่มีประโยชน์ ถึงแม้จะมีคลอเรสเตอรอลในไข่แดง แต่ก็ไม่อันตราย สามารถบริโภคได้วันละ 1 ฟอง แต่ในเบเกอรี่บางชนิดไข่ไก่ไม่ใช่ส่วนผสมหลัก ยกเว้นในเค้กชิฟฟ่อน เน้นไข่เป็นหลักค่า ตัวนี้สายเฮลทตี้ไม่ต้องกังวลจร้าา
5. ผลไม้อบแห้งต่างๆ ผลไม้อบแห้งเป็นแหล่งของเส้นใยอาหารที่ดี แต่อาจจะมีน้ำตาลเยอะหน่อย สานเฮลทตี้ควรใช้พอประมาณนะจ๊ะ
6. ธัญพืชต่างๆ เช่น เม็ดมะม่วง อัลมอนด์ ถั่วลิสง เนยถั่ว เป็นแหล่งไขมันดี ให้โปรตีนสูง อีกทั้งให้เส้นใย ตัวนี้สายเฮลทตี้ทานได้ไม่มีปัญหาเล้ยยย
เป็นไงบ้างคะกับส่วนผสมในเบเกอรี่ ถ้าเลือกใช้ให้ถูกจะทำให้เบเกอรี่เป็น super food ดีดีได้เลย
ขอแนะทริกในการทำเบเกอรี่เฮลทตี้อีกหน่อยนะคะ
- เลือกใช้ข้าวโอ๊ต แป้งโฮลวีต มาแทนแป้งสาลีขัดขาว เพื่อเพิ่มประโยชน์จากเส้นใยและวิตามินต่างๆ
- เลือกใช้ไขมันดี แทนเนย และไม่ใช้มาการีนนะคะ
- ปรับสูตรให้หวานน้อยที่สุด หรือใช้น้ำผึ้งมาแทนการใชน้ำตาลทราย
- เลือกธัญพืชและผลไม้ที่ให้ประโยชน์มาใส่เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสารอาหารและสร้างสรรค์รสชาติใหม่ได้ไม่รู้จบ
ขอเป็นกำลังใจให้กับ สาวฟ สายเฮลทตี้ที่รักเบเกอรี่ กันจร้าาา
วันนี้เขียนมาซะยาวเลย โฟสหน้าจะมาพูดถึงการทานเบเกอรี่สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนค่ะ
#AromDDee
#leancookies
#Leanbakery
#loveHEALTHYandBAKERYtoo
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
ตอบลบ